เลือกดื่ม “ชาเขียว” ยังไงให้เหมาะกับตัวเอง?
แชร์บทความ:
Share:
เครื่องดื่มที่หลายคนชื่นชอบ อย่าง “ชาเขียว” นั้นจริงๆแล้วมีหลายประเภท ซึ่งในแต่ละประเภทนั้นมีกลิ่น สี และรสชาติแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง วันนี้ Property Perfect จะมาช่วยทำให้คุณรู้จักกับชาเขียวมากยิ่งขึ้นว่าชาเขียวนั้นดีอย่างไร และควรที่จะเลือกชาแบบในให้เหมาะกับตัวเอง ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกันก่อนดีกว่าว่า “ชาเขียว” นั้นคืออะไร
ชาเขียว (Green tea) คือ การรักษาสภาพของใบชาให้ได้มากที่สุด โดยผ่านการอบไอน้ำ และการนวด ก่อนที่จะนำไปอบแห้ง เพื่อให้ได้กลิ่น และรสชาติให้ออกมาจากใบชา ส่วนชาที่ชงออกมากแล้วเป็นสีเขียวนั้น คือชาเขียวที่ไม่ได้ผ่านการหมักเหมือนชาประเภทอื่นๆ ทำให้สีชาที่ออกมายังคงความเขียว และมีคุณภาพเช่นเดียวกับใบชาสดนั้นเอง
ชาเขียว กับ มัทฉะ ต่างกันอย่างไร?
สิ่งที่สังเกตได้อย่างชัดเจนนั้นก็คือ “มัทฉะ” ลักษณะเป็นผงละเอียด ส่วนชาเขียวนั้น ส่วนใหญ่จะเป็นในรูปแบบของใบชาแห้งนั้นเอง
แต่สิ่งที่เหมือนกันนั้นคือ ทั้งมัทฉะและชาเขียวนั้น สามารถนำมาทำเป็นเมนู ร้อน เย็น ปั่นได้ทั้งคู่ แต่ในทางกลับกันมัทฉะมักนิยมนำมาทำเป็นของกิน ขนม นม ไอศกรีมมากกว่า เนื่องจากมัทฉะที่เป็นลักษณะผงละเอียด สามารถนำมาละลายน้ำได้ดี
ชาเขียวมีประโยชน์อย่างไร?
นอกจากคาเฟอีนจากชาเขียวที่ทำให้รู้สึกตื่นตัวแล้ว ชาเขียวยังมีคุณประโชน์อีกมากมาย อาธิ
- ช่วยละน้ำตาลในเลือด และควบคุมไม่ให้น้ำตาลสูงเกินไป เหมาะสำหรับคนที่เป็นเบาหวาน
- สุขภาพช่องปากดีขึ้น ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดฟันผุ
- ชะลอความแก่ เพราะช่วยต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดริ้วรอย และจุดด่างดำ
- กระดูกแข็งแรง เพราะชาเขียวอุดมไปด้วยธาตุฟลูออไรต์
- ช่วยป้องกันการก่อตัวขึ้นของคราบพลัค โดยมีการความเชื่อมโยงกับการเป็นโรคอัลไซเมอร์และพาร์กินสัน ที่เกิดมาจากความผิดปกติของระบบประสาท
- ช่วยลดคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดีอย่าง LDL (Low-density lipoprotein) ที่อาจส่งผลต่อโรคหัวใจ และช่วยเพิ่มไขมันดีให้กับร่างกาย
*ทั้งนี้ไม่ควรดื่มในปริมาณที่เยอะจนเกินไป หากต้องการที่จะใส่นมควรเป็นนมที่มีไขมันต่ำ และใส่น้ำตาลในปริมาณที่น้อย หรือไม่ใส่เลยจะดีที่สุด
ชาเขียวยอดนิยมทั้ง 6 ประเภทที่ควรรู้จัก
เกียวคุโระ (KYOKURO)
มีความหมายว่า "น้ำค้างหยก" เพราะสีชาชนิดนี้มีสีเขียวอ่อน และชาชนิดนี้ถือว่าเป็นชาชั้นเยี่ยมที่สุดในบรรดาชาเขียวญี่ปุ่นอีกด้วย ใบชาชนิดนี้จะถูกดูแลอย่างดีในร่มก่อนเก็บชา 3 สัปดาห์ โดยจะเก็บเป็นชาแรกของปี และคัดสรรเพียงแค่ยอดอ่อนของใบชาเท่านั้น จึงทำให้มีปริมาณการเก็บเกี่ยวที่น้อย และราคาแพง ส่วนมากจะใช้ในพิธีการ มีความฝาดเล็กน้อย และรสชาติหวาน
เซนฉะ (SENCHA)
เป็นชาเขียวที่เก็บเฉพาะเดือนแรกของปีเท่านั้น จึงได้ชื่อว่า “ชาใหม่” ซึ่งเซนฉะเป็นที่นิยมของชาวญี่ปุ่นมาก และถือเป็นชาที่มีการผลิตเยอะที่สุดในญี่ปุ่น ทั้งนี้เซนฉะนั้นอุดมไปด้วยสารอาหาร และมีกลิ่นหอม รสชาตินั้นขึ้นอยู่กับอุณหภูมิในการชง ยิ่งชงด้วยน้ำร้อนจะยิ่งทำให้รสชาติยิ่งขม
บันฉะ (BANCHA)
บันฉะ คือชาที่รองลงมาจากเซนฉะ นั้นคือชาที่เก็บเกี่ยวนอกฤดูกาล ในช่วงสามหรือสี่ของปี หรือเป็นชาที่ขนาดของใบไม่ได้มาตรฐานมารวมกัน ราคาจึงไม่ค่อยแพงมากนัก
เกนไมฉะ (GENMAICHA)
เกนไมฉะ หรือ ชาข้าวกล้อง คือการนำชาบันฉะไปคั่วกับข้าวกล้องจนพอง ทำให้มีกลิ่นหอมข้าวคั่วอันเป็นเอกลักษณ์ นิยมดื่มกันโดยทั่วไปเพราะดื่มง่าย และยังช่วยในเรื่องของการปรับสภาพกระเพาะอาหารอีกด้วยลักษณะของชาจะมีสีเขียวอ่อนๆ กลิ่นหอม และมีคาเฟอีนน้อย
โฮจิฉะ (HOJICHA)
เป็นชาที่มีแตกต่างจากชาประเภทอื่นๆ เพราะเกิดจากการนำเซนฉะ และบันฉะในการเก็บเกี่ยวครั้งสุดท้ายมารวมกัน และนำไปคั่ว จนทำให้ใบชาที่มีสีเขียว ค่อยเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลแดง ทำให้มีคาเฟอีนที่น้อย และรสชาติไม่ขม ดื่มง่าย ความเข้มข้นของกลิ่นและรสชาติแตกต่างกันจากระยะเวลาในการคั่ว
มัทฉะ (MATCHA)
เป็นชาที่ถูกเลี้ยงในร่ม และนำมาบดละเอียด เราจะคุ้นชินกับชาชนิดนี้เป็นอย่างดีจากนม และขนมชนิดต่างๆ นอกจากนี้มัทฉะยังเป็นชาที่มักนำไปประกอบพิธีชงชา”ชาโด” เพื่อรับรองแขก ตามมารยาทอันดีของชาวญี่ปุ่น มัทฉะยังมีคุณประโยชน์คือ มีสารที่ช่วยต้านอนุมูลอิสระอีกด้วย
ชาเขียวแต่ละชนิดนั้นมีเอกลักษณ์ที่แตกต่างกัน คุณสามารถลองมาหาซื้อชามาไว้ที่บ้าน แล้วลองชิมรสชาติที่เหมาะสมกับคุณ ทั้งนี้ถ้าหากคุณต้องการรู้ทริกสนุกๆ และได้ความรู้ สามารถติดตามอ่านได้ที่ pf.co.th
บทความอื่นๆที่น่าสนใจ
- รวมฤกษ์ดี 2567 ฤกษ์วันมงคล แต่งงาน ขึ้นบ้านใหม่
- ข้าวหน้าแฮมเบิร์กสไตล์ญี่ปุ่น อร่อยเหมือนคนญี่ปุ่นมาทำเอง
- ขึ้นบ้านใหม่ มีขั้นตอนอย่างไร ควรเตรียมอะไรบ้าง
ขอขอบคุณข้อมูลดีๆจาก
